9/05/2557

เพื่อนที่ดี



เพื่อนที่พึ่งพาได้เมื่อยามเจ็บป่วย ข้าวยากหมากแพง ถึงความวิบัติ เวลาตาย นับว่าเป็นมิตรที่แท้จริง

คนเราเวลารู้จักคบหากันนั้นก็ยากที่จะรู้จิตใจกันได้ว่าคนนี้จะเป็นเพื่อนที่แท้จริง หรือเป็นศัตรูของเรา อาจจะมาจากหลายสาเหตุก็ได้ เพราะจิตใจของคนเราทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก วันนี้เป็นพวกเรา แต่วันพรุ่งนี้อาจจะไปเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ได้ เวลาจะคบใครจะต้องระมัดระวังให้มากๆ
ลักษณะของการดูเพื่อนดี คือ เมื่อเจ็บป่วย คนเราจะเห็นใจกันหรือพิสูจน์น้ำใจกันได้ว่าจะมีน้ำใจมาเยี่ยมให้กำลังใจหรือแสดงความห่วงใยกันบ้างหรือเปล่า แม้ว่าความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาของสังขารก็ตาม แต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่า คนป่วยทุกคนต้องการกำลังใจ จะสังเกตได้ง่ายว่าโรคบางอย่างพอได้กำลังใจ มากๆ ก็หายวันหายคืน แต่ถ้าขาดกำลังใจก็จะทรุดวันทรุดคืนเหมือนกัน
เมื่อข้าวยากหมากแพง เมื่อใดที่ยากจนก็พิสูจน์น้ำใจเพื่อนๆ ได้อีกอย่างหนึ่งว่าจะทิ้งกันหรือเปล่า เพราะจะมีคำพูดติดปากกันอยู่ว่า เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก ยามมีเพื่อนก็มอง ยามหมองเพื่อนก็เมิน
เมื่อถึงความวิบัติเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย จิตใจ หรือแม้กระทั่งความเป็นอยู่ ก็จะได้เห็นน้ำใจของเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ยามที่เราดีเพื่อนมีเยอะ แต่ยามที่เราเกิดความวิบัติเสียหายหรือหมดเนื้อหมดตัว จะมีเพื่อนสักกี่คนที่จะอยู่เคียงข้างเรา เพื่อนที่ดีก็จะต้องไม่ทิ้งกันในยามเกิดความวิบัติ เสียหาย
เวลาตาย การที่เราต้องสูญเสียคนที่เป็นที่รักไม่ว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกหรือสามีภรรยาก็ตาม ทุกคนก็คงจะเหมือนกัน คือ ทุกข์เสียใจ ในยามที่เราต้องทุกข์ต้องเสียใจกับการพลัดพรากอย่างนี้ สิ่งที่คนเราต้องการคือกำลังใจ การเห็นอกเห็นใจ เพื่อนจะเป็นทางให้คลายความทุกข์ความเศร้าโศกลงไปบ้าง เพื่อจะได้มีกำลังใจที่จะต้องสู้กับชะตาชีวิตต่อไป
เหล่านี้เป็นลักษณะของเพื่อนที่ดี หรือเพื่อนที่แท้จริง หากใครมีเพื่อนแบบนี้ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่บางคนชีวิตทั้งชีวิตก็บอกว่าไม่เคยมีเพื่อนที่จริงใจเลย มีแต่เพื่อนที่หลอกลวง มีแต่เพื่อนกิน ไม่เคยมีเพื่อนที่ดีจริงๆ
เพราะฉะนั้นการที่คนเราจะคบกับใครก็ต้องพิจารณาดูดีๆ เพื่อนบางคนทำได้แค่เพียงเป็นเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้นก็พอ ไม่ต้องถลำตัวไปยุ่งเกี่ยวด้วยมาก เพราะบางครั้งเพื่อนก็พาเราเสื่อมเสียได้อย่างมากมาย ความจริงคนเราก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่เราก็ควรจะเลือกคบแต่คนดี และสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนเราได้มากที่สุดก็คือน้ำใจนั่นเอง ถ้าคนเรามีน้ำใจต่อกันการคบกันเป็นเพื่อนก็จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เป็นสุข

ขอบคุณข้อมูลจาก :: www.inwza.com

Neurobics ออกกำลังสมองเพื่อความฉับไว


หลายต่อหลายคนมักจะคิดถึงการมีสุขภาพกายที่ดีเป็นอย่างแรก จึงละเลยหรือลืมฝึกสมองในแง่ของความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ วันนี้เรามี 10 วิธีการฝึกสมองเพื่อพัฒนาความสามารถและความคิดสร้างสรรค์สำหรับคุณ ด้วย "นิวโรบิกส์" โปรแกรมที่เปรียบเสมือน การฝึกยิมนาสติกให้กับสมอง จะช่วยบริหารเซลล์สมองให้สดชื่นและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นค่ะ
1. หลีกหนีความจำเจ
การหลีกหนีความจำเจ เป็นแก่นแท้ของแนวคิดนิวโรบิกส์ เพราะการทำอะไรซ้ำๆ นอกจากจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายแล้ว สมองก็รู้สึกเบื่อได้เช่นกัน ฉะนั้นจึงควรแสวงหาอะไรใหม่ๆ ทำบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยแต่จะสามารถช่วยให้เซลล์ประสาทเกิดการผ่อนคลายหายเครียดจากงานประจำได้ค่ะ
2. ไม่สูดกลิ่นเดิมๆ ซ้ำๆ
ทุกเช้าเมื่อได้กลิ่นกาแฟเดิมๆ ฉีดน้ำหอมกลิ่นเดิมๆ ถ้าจมูกคนเราได้รับกลิ่นเดิมๆ บ่อยเข้า จะทำให้จมูกและประสาทส่วนรับกลิ่นชินชาต่อกลิ่นนั้นได้ค่ะ อีกทั้งการรับกลิ่นอื่นๆ ก็จะด้อยคุณภาพลงไปด้วย
3. รับรสสัมผัสใหม่ๆ
ตอนที่คุณอาบน้ำในอ่างหรืออาบแบบฝักบัว ลองแกล้งลืมถูสบู่ เจลอาบน้ำหรือแชมพูดดูสักครั้งสิคะ อาจจะทำให้การรับรสสัมผัสทางกายดีขึ้นได้
4. เปลี่ยนความถนัดส่วนตัว
คนถนัดมือขวา ก็หันมาลองใช้มือซ้ายดูบ้าง หรือหากถนัดซ้าย ก็ลองใช้มือขวาแทน ไม่ว่าจะหวีผม แปรงฟัน หรือเขียนหนังสือ ซึ่งการได้เปลี่ยนแปลงอะไรที่ซ้ำซากจำเจนั้น ไม่เพียงแค่สนุกสนาน แต่ยังทำให้สมองส่วนต่างๆ แอ็กทีฟขึ้น แล้วคุณก็จะพบว่าการได้ทำอะไรกลับด้านนั้นมันไม่ยากเย็นเหมือนที่คิดไว้เลย
5. หาทางเดินใหม่ ๆ
พยายามหาทางใหม่ๆ เดินเล่น หลีกหนีเส้นทางเก่าที่น่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นทางไปออฟฟิศหรือทางกลับบ้าน ทำไมไม่ลองเดินผ่านสวนสาธารณะ หรือเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นที่ไม่เคยไปดูบ้างล่ะคะ การทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยให้สมองของคุณได้มีโอกาสคิดแล้ว คุณยังได้พบกับสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
6. ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
การจัดบ้าน จัดสวน เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ หาที่แขวนรูปและนาฬิกาใหม่ หรือการพบปะผู้คนใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอก็ช่วยได้ค่ะ ช่วงแรกๆ อาจจะไม่ง่ายนัก แต่คุณจะค่อยๆ ชินไปเอง การปรับเปลี่ยนแบบนี้ทำให้สมองด้านซ้ายซึ่งทำงานทางด้านความคิดสร้างสรรค์มีพัฒนาการที่ดีกว่าเดิมนะคะ
7. เสริมความทรงจำด้วยกลิ่น
ขณะที่พูดโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือควรสูดดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยไปด้วย เช่น กลิ่นมิ้นต์หรือกลิ่นมะนาว เพราะกลิ่นดังกล่าวจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ความจำในรายละเอียดดียิ่งขึ้นค่ะ
8. รับประทานอาหารรสชาติแปลกๆ ทุกๆ วัน
ถ้ามีการรับประทานอาหารที่แปลกไปจากเดิม จะทำให้ประสาทรับรสทำงานได้ดีขึ้น ไม่เชื่อลองไปทางอาหารที่ร้านอาหารเวียตนาม ญี่ปุ่น จีน หรืออินเดียดูบ้างสิคะ กลิ่นและรสชาติของอาหาร ที่แปลกแตกต่างไปจะพลอยทำให้สมองของคุณรู้สึกเหมือนได้ไปท่องเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่นั้นด้วย
9. ปิดประสาทรับเสียง
ลองใช้สำลี หรือที่อุดหูโดยเฉพาะ เพื่อฝึกใช้แต่ประสาททางสายตาและทางจมูกดูสักพัก ไม่แน่นะคุณอาจค้นพบความสามารถพิเศษแปลกใหม่ที่คุณไม่คิดว่าจะมีอยู่ในตัวเองก็เป็นได้
10. ใส่ใจในสัมพันธ์แห่งรัก
การหมั่นเติมความรู้สึกที่ดีๆ ให้กับชีวิตคู่ของคุณอยู่เสมอ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แนบแน่นขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยพัฒนาสมองและอารมณ์

แหล่งที่มา
Read more: http://www.novabizz.com/NovaAce/Neurobics.htm#ixzz3UuZJMjBc