10/13/2557
การพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร
พนักงานทุกคนในองค์กรจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพ ไม่เว้นแม้แต่ระดับผู้บริหารเอง ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ฝ่ายพัฒนาบุคลากรจึงต้องมีการจัดทำโปรแกรมพัฒนาศักยภาพผู้บริหารขึ้นโดยแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้
วางแผนการพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร โดยรวบรวมข้อมูลจากคำถามต่อไปนี้ให้ได้เสียก่อน
1.ประโยชน์ที่จะได้รับจากโปรแกรมพัฒนาศักยภาพผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ
2.ถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ จะมีค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าไรสำหรับการเข้า-ออกของพนักงาน ผลผลิตที่ลดลง และกำลังใจในการทำงานที่ลดลง
3.จะวัดผลความสำเร็จของโปรแกรมได้อย่างไร
4.จะใช้เวลา กำลังคน และค่าใช้จ่ายเท่าไรเพื่อลงทุนพัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
5.ผู้บริหารที่จะเข้าร่วมโปรแกรมนี้เคยได้รับการฝึกอบรมด้านใดมาแล้วบ้าง
6.พื้นฐานการศึกษาของผู้บริหารเป็นอย่างไร
7.มีประสบการณ์ในสายงานกี่ปี
8.จุดแข็งของผู้บริหารที่มีต่อองค์กรคืออะไร
9.บุคลิกลักษณะของผู้บริหารเป็นอย่างไร
10.สิ่งที่จูงใจผู้บริหารได้ดีที่สุดคืออะไร
กำหนดหัวข้อที่จำเป็นต้องพัฒนาให้เหมาะกับผู้บริหารแต่ละคน เช่น
1.การสื่อสารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทักษะการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
3.การสร้างทีม
4.การร่วมงานกับคนต่างบุคลิกภาพหลากสไตล์
5.การบริหารเวลา
6.ทักษะการมอบหมายงาน
7.การตั้งเป้าหมาย
8.ทักษะการเป็นผู้ชี้แนะ
9.ทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจ
นำโปรแกรมไปใช้กับผู้บริหาร
1.แนะนำโปรแกรมนี้ให้กับผู้บริหารทุกฝ่ายในปัจจุบันได้เข้าร่วม ชี้แจงถึงประโยชน์ที่ผู้บริหารจะได้รับเมื่อเข้าร่วมโปรแกรม
2.แนะนำโปรแกรมนี้ให้แก่ผู้สมัครงานระดับผู้บริหาร เพื่อจูงใจคนเก่งเข้ามาร่วมงาน บอกให้ผู้สมัครทราบว่าองค์กรลงทุนและเห็นความสำคัญของการพัฒนาผู้บริหาร
เพราะทรัพยากรบุคคลเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด บริษัทชั้นนำจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง โดยโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายขององค์กร ทั้งยังช่วยรักษาพนักงานหัวกะทิขององค์กรไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ข้อมูลจาก
http://th.jobsdb.com/TH/EN/Resources/JobSeekerArticle/leader_developmen?ID=8401
10/10/2557
ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีม
ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีม
การทำงานเป็นทีมนั้นมีความสำคัญต่อผลของงานมาก ถ้ามีทีมเวิร์คทีดีแล้วหล่ะก็รับรองว่าการทำงานทุกอย่างทุกขั้นตอนราบรื่นและประสบผลสำเร็จแน่นอน เพราะการทำงานทุกอย่างต้องได้รับการประสานงานและการร่วมมือที่ดีจากทุกคนในกลุ่มงาน ดังนั้นวันนี้เราจึงมีปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมมาฝากให้ได้อ่านกันค่ะ
1. บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย
2. ความไว้วางใจกัน (Trust) เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน
3. มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน
4. บทบาท (Role) สมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ เป็นต้น
5. วิธีการทำงาน (Work Procedure) สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ
5.1 การสื่อความ (Communication) การทำงานเป็นทีมอาศัยบรรยากาศ การสื่อความที่ชัดเจนเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
5.2 การตัดสินใจ (Decision Making) การทำงานเป็นทีมต้องใช้การตัดสินใจร่วมกัน เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจแล้ว สมาชิกย่อมเกิดความผูกพันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
5.3 ภาวะผู้นำ (Leadership) คือ บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานเป็นทีมควรส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไม่ใช่ผลัดกันเป็นหัวหน้า) เพื่อให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ จะได้รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมนั้นมีความหมาย ปรารถนาที่จะทำอีก
5.4 การกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ร่วมกัน
6. การมีส่วนร่วมในการประเมินผลการทำงานของทีม ทีมงานควรมีการประเมินผลการทำงาน เป็นระยะ ในรูปแบบทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินผลงาน ทำให้สมาชิกได้ทราบความก้าวหน้าของงาน ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการปรับปรุงแก้ไขร่วมกัน ซึ่งในที่สุดสมาชิกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด
7. การพัฒนาทีมงานให้เข้มแข็ง
7.1 พัฒนาศักยภาพทีมงาน ด้วยการสร้างแรงจูงใจทางบวก สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการจัดกิจกรรมสร้างพลังทีมงาน เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
7.2 การให้รางวัล ปัจจุบันการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะพิจารณาผลการทำงานเป็นรายบุคคล ดังนั้นระบบรางวัลที่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม คือ การที่ทุกคนได้รางวัลอย่างยุติธรรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมในลักษณะที่ว่างอยู่บนพื้นฐานการให้รางวัลกับกลุ่ม (Group base reward system)
เป็นไงค่ะ วิธีที่เรานำมาแนะนำ ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ ลองปฏิบัติตามกันดู รับรองว่าทีมงานของคุณจะเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างแน่นอนค่ะ!!!!
(ข้อมูลจาก http://my2tum.multiply.com)
การทำงานเป็นทีมนั้นมีความสำคัญต่อผลของงานมาก ถ้ามีทีมเวิร์คทีดีแล้วหล่ะก็รับรองว่าการทำงานทุกอย่างทุกขั้นตอนราบรื่นและประสบผลสำเร็จแน่นอน เพราะการทำงานทุกอย่างต้องได้รับการประสานงานและการร่วมมือที่ดีจากทุกคนในกลุ่มงาน ดังนั้นวันนี้เราจึงมีปัจจัยสู่ความสำเร็จในการทำงานเป็นทีมมาฝากให้ได้อ่านกันค่ะ
1. บรรยากาศของการทำงานมีความเป็นกันเอง อบอุ่น มีความกระตือรือร้น และสร้างสรรค์ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างจริงจัง และจริงใจ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นถึงความเบื่อหน่าย
2. ความไว้วางใจกัน (Trust) เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเป็นทีม สมาชิกทุกคนในทีมควรไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกัน สื่อสารกันอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน
3. มีการมอบหมายงานอย่างชัดเจน สมาชิกทีมงานเข้าใจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และยอมรับภารกิจหลักของทีมงาน
4. บทบาท (Role) สมาชิกแต่ละคนเข้าใจและปฏิบัติตามบทบาทของตน และเรียนรู้เข้าใจในบทบาทของผู้อื่นในทีม ทุกบทบาทมีความสำคัญ รวมทั้งบทบาทในการช่วยรักษาความเป็นทีมงานให้มั่นคง เช่น การประนีประนอม การอำนวยความสะดวก การให้กำลังใจ เป็นต้น
5. วิธีการทำงาน (Work Procedure) สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา คือ
5.1 การสื่อความ (Communication) การทำงานเป็นทีมอาศัยบรรยากาศ การสื่อความที่ชัดเจนเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดความเข้าใจ และนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
5.2 การตัดสินใจ (Decision Making) การทำงานเป็นทีมต้องใช้การตัดสินใจร่วมกัน เมื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกในทีมแสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจแล้ว สมาชิกย่อมเกิดความผูกพันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
5.3 ภาวะผู้นำ (Leadership) คือ บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น การทำงานเป็นทีมควรส่งเสริมให้สมาชิกทุกคนได้มีโอกาสแสดงความเป็นผู้นำ (ไม่ใช่ผลัดกันเป็นหัวหน้า) เพื่อให้ทุกคนเกิดความรู้สึกว่าได้รับการยอมรับ จะได้รู้สึกว่าการทำงานเป็นทีมนั้นมีความหมาย ปรารถนาที่จะทำอีก
5.4 การกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมาย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วม ในการกำหนดกติกา หรือกฎเกณฑ์ที่จะนำมาใช้ร่วมกัน
6. การมีส่วนร่วมในการประเมินผลการทำงานของทีม ทีมงานควรมีการประเมินผลการทำงาน เป็นระยะ ในรูปแบบทั้งไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการประเมินผลงาน ทำให้สมาชิกได้ทราบความก้าวหน้าของงาน ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการทำงาน หรือการปรับปรุงแก้ไขร่วมกัน ซึ่งในที่สุดสมาชิกจะได้ทราบว่าผลงานบรรลุเป้าหมาย และมีคุณภาพมากน้อยเพียงใด
7. การพัฒนาทีมงานให้เข้มแข็ง
7.1 พัฒนาศักยภาพทีมงาน ด้วยการสร้างแรงจูงใจทางบวก สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีการจัดกิจกรรมสร้างพลังทีมงาน เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
7.2 การให้รางวัล ปัจจุบันการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานไม่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม ส่วนใหญ่จะพิจารณาผลการทำงานเป็นรายบุคคล ดังนั้นระบบรางวัลที่เอื้อต่อการทำงานเป็นทีม คือ การที่ทุกคนได้รางวัลอย่างยุติธรรมทุกคน คือ ควรสนับสนุนการให้รางวัลแก่การทำงานเป็นทีมในลักษณะที่ว่างอยู่บนพื้นฐานการให้รางวัลกับกลุ่ม (Group base reward system)
เป็นไงค่ะ วิธีที่เรานำมาแนะนำ ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ ลองปฏิบัติตามกันดู รับรองว่าทีมงานของคุณจะเป็นทีมงานที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างแน่นอนค่ะ!!!!
(ข้อมูลจาก http://my2tum.multiply.com)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)