4/27/2558

ประโยชน์ของการนำระบบสมรรถนะไปใช้ภายในองค์กร



การนำระบบสมรรถนะไปใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กรมีประโยชน์ต่อบุคลากร ผู้บริหาร หน่วยงาน ผู้บริหารระดับสูง และฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ดังนี้

บุคลากร (Operators)
ช่วยให้บุคลากรทราบถึงระดับสมรรถนะของตนเอง (ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ) ว่าอยู่ในระดับใด มีจุดแข็งจุดอ่อนในเรื่องใดบ้าง และจะต้องพัฒนาสมรรถนะในเรื่องใดบ้าง
ช่วยให้บุคลากรทราบกรอบพฤติกรรมมาตรฐาน หรือพฤติกรรมที่องค์กรคาดหวังให้ตน แสดงพฤติกรรมในตำแหน่งนั้นอย่างไรบ้าง และสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผลความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมในการปฏิบัติงานได้อย่างชัดเจน และเป็นระบบมาตรฐานเดียวกันทั้งองค์กร
ช่วยให้พนักงานทราบถึงเส้นทางความเจริญเติบโตก้าวหน้าในสายวิชาชีพ (Career Development) ของตนเอง และแนวทางการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้บรรลุเป้าหมายได้อย่าง ชัดเจน

ผู้บริหารระดับหน่วยงาน (Director, Dean)
ช่วยให้ผู้บริหารระดับหน่วยงานทราบถึงสมรรถนะ (ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ) ที่ บุคลากรในหน่วยงานของตนเองจำเป็นต้องมีเพื่อให้การปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นประสบความสำเร็จ และบรรลุเป้าหมาย
เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานของตนเป็นรายบุคคล
ใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาสรรหาและคัดเลือกบุคลากรของหน่วยงานให้ตรงกับ คุณสมบัติของตำแหน่งงานนั้น ๆ

ผู้บริหารระดับสูง (Top Executive)
สามารถเชื่อมโยงหรือแปลงวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัฒนธรรมองค์กร หรือยุทธศาสตร์ของ องค์กรมาสู่กระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลได้อย่างชัดเจน
ใช้สมรรถนะเป็นตัวผลักดัน (Driver) ให้วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัฒนธรรมองค์กรหรือ ยุทธศาสตร์ขององค์กรบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงาน
ช่วยให้องค์กรสามารถประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนในศักยภาพของบุคลากรในองค์กร และ สามารถนำไปใช้ในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนากำลังคน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สามารถนำไปใช้วัดผลการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างเป็นระบบและชัดเจน
ฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล (Human Resource Management Division)

เห็นภาพรวมของสมรรถนะองค์กร สมรรถนะหลัก และสมรรถนะตามกลุ่มงาน/สาย วิชาชีพของบุคลากรทุกตำแหน่งงาน
สามารถวิเคราะห์ความจำเป็นในการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรในองค์กรได้ตรง ตามความต้องการของบุคลากรและหน่วย
นำไปใช้เป็นพื้นฐานในการบริหารทรัพยากรบุคคลในองค์กร อาทิเช่นการสรรหาและ คัดเลือก การพัฒนาบุคลากร การประเมินผลการปฏิบัติงานการวางแผนสืบทอดตำแหน่ง การ พัฒนาความก้าวหน้า ในสายอาชีพ การดูแลรักษาบุคลากร และการจ่ายผลตอบแทน เป็นต้น

ขอบคุณแหล่งที่มา
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

เทคนิคการทำงานให้ประสบความสำเร็จ


เทคนิคการทำงานให้ประสบความสำเร็จ

           "ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน"ประโยคนี้ เป็นคำพูดที่ฮิต ติดปาก ของคนทำงานหลายคน เพื่อใช้เป็นกำลังใจ หรือคำพูดปลอบใจให้กับตัวเอง เพื่อนร่วมงาน และบุคคลรอบข้าง แน่นอน ความขยัน ไม่ทำให้คนเราอดตาย โดยเฉพาะในยุคสมัยของ”ไอ้ขวัญ อีเรียม” ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือการศึกษามากมาย หาปู ปลา ผัก ตามห้วยหนองคลองบึง เลี้ยงปากท้องได้ เนื่องจากธรรมชาติ สภาพแวดล้อม และยุคสมัยเอื้ออำนวยอยู่  แต่ปัจจุบันยุคสมัยได้เปลี่ยนไป เข้าสู่โลกแห่งการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี่ และด้านทรัพยากรมนุษย์ ที่มีการแข่งขันกันตลอดเวลา ประโยคที่ว่า "ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน" อาจจะใช้ได้อยู่กับบางสถานการณ์ สังคม หรือประเทศเท่านั้น และต้องถูกที่ ถูกกาละเทศะ บริบทต่างๆ ด้วย จึงจะเห็นได้ว่าในวัยทำงานยุคปัจจุบัน หลายคน ขยันมากมาย ทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต อุทิศตนเองให้กับองค์กร ที่ตนเองทำงานอยู่ ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักที ซึ่งแน่นอนแต่ละคนย่อมมีความคาดหวังให้ตนเอง มีหน้าที่การงานทำที่ดี และนอกเหนือจากนั้น ยังต้องการให้ตนเองประสบความสำเร็จ ก้าวไปกับองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่

            ทั้งนี้มีเทคนิคหนึ่ง ที่อยากจะนำมาเสนอ และแนะนำ ให้กับทุกท่าน เพื่อสามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน นั่นคือการ “พลอดรัก” ซึ่งไม่ใช่เป็นการขอความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว แต่เป็นเทคนิคการทำงานให้ประสบความสำเร็จ อีกแนวทางหนึ่ง ดังนี้

1. พ-พัฒนาตนเอง

            ศึกษา จุดด้อย ข้อบกพร่อง จุดแข็ง ของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกลักษณะ พฤติกรรม หรือแม้แต่วิธีการทำงานของตนเอง สิ่งไหนที่มีดีอยู่แล้ว ต้องหมั่นต่อยอด พัฒนา ให้ดียิ่งขึ้น สิ่งไหนที่ เป็นจุดอ่อน จุดบกพร่องปรับปรุง ศึกษาหาความรู้ต่อเติมให้ดีกว่าเดิม วัยทำงานจะต้องเป็นนักสำรวจ หรือมีหัวใจเป็นนักพัฒนาอยู่เสมอในทุกด้าน

2. ล-หลากหลายทักษะ

             ทุกองค์กร หรือบริษัทในปัจจุบัน ต้องการพนักงานที่มีความหลากหลายในทักษะการทำงาน (Multi-skills) เพื่อเข้ามาพัฒนา ปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น เนื่องจากพนักงานที่มีความสามารถหลายอย่าง ย่อมไม่ปฏิเสธ หรือลีกเลี่ยงการทำงานที่มอบหมายให้ เพราะเป็นบุคคลที่สามารถ พัฒนาตนเอง เพื่อนร่วมงานอย่างต่อเนื่อง บุคคลเหล่านี้ จะไม่ปฏิเสธการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำตนเป็นเหมือนแก้วน้ำที่ไม่เต็ม รับฟังความคิดเห็น ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีตลอดเวลา

3. อ-อดทน

             พลังแห่งความสำเร็จในการทำงาน คือ การอดทน ต่อสถานการณ์ต่างๆ ในสถานที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานที่ได้รับมอบหมาย พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของหัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน หลายคนทนไม่ได้กับการได้รับการพูดจา ดูถูก สบประมาท ลาออกจากที่ทำงานทันที โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งนั้นอาจจะเป็นยาพิษ ที่ทำร้ายตนเอง ทำให้คุณไม่สามารถได้งานใหม่ เพราะประวัติการทำงานของคุณเสีย ไม่สามารถเผชิญ กับสถานการณ์ตึงเครียด หรือสถานการณ์อันเลวร้ายในที่ทำงานได้ จงมีความอดทนและอดกลั้นเข้าไว้ แล้วคุณจะสามารถเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ได้สำเร็จ

4. ด-ดึงดูด

             พนักงานที่มีความกระตือรือร้น ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ลองผิด ลองถูก อย่างสม่ำเสมอ คอยดึงดูด เอาความรู้จาก หนังสือ ผู้คนรอบข้าง อินเตอร์เน็ต มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน จนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ย่อมสามารถดึงดูด ความสนใจจากหัวหน้างาน ทีมงาน ให้เห็นศักยภาพของพนักงานคนนั้นได้ บุคคลที่มีทักษะในการดึงดูดนั้นจะสามารถทำงานเป็นทีม และทำงานคนเดียวอย่างอิสระได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ และโดยส่วนใหญ่คนที่มีทักษะดึงดูด มักจะมีความกระตือรือร้นจะเป็นคนที่ชอบลองผิดลองถูก มาทำงานก่อนเวลาเสมอเพื่อหาโอกาสค้นคว้าข้อมูลและหาความรู้เพิ่มเติม พยายามที่จะให้งานเสร็จก่อนหรือตรงตามเวลาที่กำหนด ซึ่งแตกต่างจากคนที่ขาดความกระตือรือร้น และความดึงดูด โดยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไม่อยากให้วันทำงานมาถึง รอคอยเวลาเลิกงานหรือเสร็จสิ้นสัปดาห์การทำงาน ทำงานเฉื่อย ไม่สนใจรับฟังข้อมูลข่าวสารใด ๆ เลย บุคคลเหล่านี้ ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงานแน่นอน

5. ร-รักงานที่ทำ

             เราไม่สามารถให้งานมารักได้ แต่เราสามารถรักงานที่ทำได้ ใตร่ตรอง และพิจารณาดูเสมอ ว่างานที่เราทำอยู่นั้น มีคุณค่ากับเรามากมายเพียงใด ให้อะไรกับเราบ้าง ทำใจให้รักงาน เพราะคำว่ารัก เป็นพื้นฐานของความสำเร็จทุกอย่าง และทำให้คุณมีความสุขกับมัน เมื่อคุณมีความรักในตัวงาน หรือแม้แต่รักองค์กร คุณจะมีความสุขกับงานที่ทำ ซึ่งจะทำให้คุณพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของงานที่ทำอยู่ตลอดเวลา และนั่นจะส่งผลให้คุณรู้จักวางแผนชีวิตและเป้าหมายความสำเร็จในการทำงานของคุณ ถ้าคุณไม่สามารถรักงานที่คุณทำอยู่ได้ ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้จะเกิดกับคุณ และในที่สุดคุณก็จะจากมันไป และเสาะแสวงหางานที่คุณรักอยู่เรื่อยๆ จะทำให้คุณ ไม่ประสบความสำเร็จสักที เพราะมัวแต่ไปนับหนึ่งเริ่มต้นใหม่

6. ก-การจัดการเป็นเลิศ

             คนที่มีทักษะในการจัดการเป็นเลิศนั้น จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องครอบครัว และ หน้าที่การงาน เพราะเขาจะเป็นคนที่รู้จักวางแผน ทำงานเป็นขั้นตอน รู้จักความเสี่ยง และหามาตรการมาป้องกัน พร้อมกันนั้นยังมีความสามารถในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกวางแผน จัดการ วางไว้เป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยแล้ว พอถึงเวลาที่จะนำมาใช้นั้นมันช่างง่ายเหลือเกิน ปราศจากความสับสนและวุ่นวาย ประหยัดทั้งเวลา และทรัพยกรต่างๆ ลองสำรวจตัวเองดูว่า การที่คุณจะทำการอย่างใด อย่างหนึ่ง คุณทำได้ง่ายไหม หรือมีแต่ความสับสนวุ่นวาย ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี นั่นแสดงว่าถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะต้องมาพัฒนาการทักษะการจัดการของคุณ

             บุคคล ในวัยทำงาน จะประสบความสำเร็จในการทำงานได้ นอกจากจะเป็นผู้ที่มีความรู้ อันกอปร ด้วยวัยวุฒิ และคุณวุฒิแล้ว ควรต้องนำทักษะอื่นๆ เข้ามาเสริม เข้ามาปรับปรุง และจัดการในการทำงานของตน โดยทักษะเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ก็จากการสังเกตุ การเรียนรู้ การศึกษา ค้นคว้า และการนำประยุกต์ใช้  เทคนิด “พลอดรัก”  (พ-ล-อ-ด-รั-ก) พ-พัฒนาตนเอง,ล-หลากหลายทักษะ,อ-อดทน,ด-ดึงดูด,ร-รักงานที่ทำ,ก-การจัดการเป็นเลิศ ก็อาจจะเป็นวิธีหนึ่ง ที่สามารถทำให้ผู้ที่นำไปฝึกฝน ปฏิบัติ ปรับเปลี่ยน พัฒนา ตนเองในสถานที่ทำงาน หรือในชีวิตประจำวัน ประสบความสำเร็จในสายอาชีพการงาน และตำแหน่งงานที่ตนเองทำอยู่ได้

ขอบคุณ แหล่งที่มา
- See more at: http://www.manpowerthailand.com/know_detail.php?id=69#sthash.Vh1hnBck.dpuf