2/05/2558

อยากเป็นพนักงานแบบโหลๆ หรือเป็นพนักงานที่มีแต่ความโดดเด่น



ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นสิ่งที่ชาวมนุษย์เงินเดือน หรือคนทำงานทุกคนล้วนแต่อยากได้มันมา แต่ประเด็นก็คือ คำว่า ประสบความสำเร็จนั้น ความหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก บางคนมองว่าได้รับเงินเดือนสูงๆ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเรื่อยๆ โดยที่งานก็เหมือนเดิม ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่บางคนมองว่า ได้งานที่ชอบ มีความท้าทาย และได้มีโอกาสพัฒนาตนเองต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองมีความเก่งกาจสามารถมากขึ้น ส่วนเรื่องเงินเดือนหรือค่าตอบแทนนั้น ถ้าเราเก่งจริงๆ เดี๋ยวมันก็มาเอง

แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ มองอย่างไรกับคำว่าประสบความสำเร็จในการทำงาน

คนเราส่วนใหญ่ ถูกสอนให้คิดไปในทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การใช้ชีวิต และมักจะไม่ค่อยมีคำถามให้กับตนเองสักเท่าไหร่ ว่าทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้น

บางคนถูกสอนตั้งแต่เด็กๆ ว่า จะต้องเรียนหนังสือให้ดี เกรดต้องดี เพราะมันจะส่งผลต่อการทำงาน และการได้งานทำ ถ้าอยากได้งานที่เงินเดือนดีๆ ก็ต้องเรียนหนังสือให้เก่ง เกรดต้องดีด้วย

พอจบมาทำงาน ก็พยายามที่จะเลือกงานที่มีเงินเดือนเยอะๆ ไว้ก่อน โดยที่ไม่มองว่า จริงๆ แล้วตนเองชอบงานนั้นหรือไม่ คิดแค่เพียงว่า ต้องได้รับเงินเดือนเยอะๆ และต้องได้เลื่อนตำแหน่งเร็วๆ เพราะนี่คือสิ่งที่สะท้อนความสำเร็จในชีวิตการทำงาน

คำถามคือ เป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ?

คนที่คิดแบบนั้น จะมีลักษณะทัศนคติในการทำงานที่เหมือนกันเกือบหมด คือ ถ้าบริษัทไม่ให้เงินเดือนที่ดี ก็จะไม่ตกลงทำงาน ทั้งๆ ที่ตัวเราเองยังไม่ได้แสดงผลงานอะไรเลย แต่เราก็ต่อรองเรื่องเงินเดือนกันแล้ว ถ้าโชคดีเจอบริษัทที่ให้เงินเดือนตามที่เราต้องการได้ สิ่งต่อไปที่เราต้องการก็คือ การได้ขึ้นเงินเดือนเยอะๆ และการได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วๆ โดยที่ไม่สนใจว่าผลงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี

คนที่คิดแบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหมือนกับพนักงานส่วนใหญ่ ก็คือ เป็นพนักงานแบบยกโหล ก็คือ ไม่เคยถามตัวเองว่า เราจะประสบความสำเร็จจริงๆ ได้อย่างไร ไม่เคยถามตัวเองว่า ที่เราทำงานอยู่ทุกวันนี้ จะมีความก้าวหน้าได้อย่างไรในการทำงานจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่เพียงตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

แล้วพนักงานแบบไหนที่มีความโดดเด่น และเป็นพนักงานที่องค์กรอยากเก็บไว้มากที่สุด

มีเป้าหมายในการทำงานของตนเองที่ชัดเจน ถ้าไม่อยากเป็นพนักงานแบบโหลๆ ก็คงต้องมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนมากๆ ว่าเราเองอยากที่จะทำงานอะไร รักงานอะไร และจะเติบโตในงานนี้ได้อย่างไร ไม่ใช่แบบว่า ทำงานอะไรก็ได้ แต่ขอให้ได้เงินเดือนตามที่เราต้องการ ถ้าคิดแบบนี้ ก็คงไม่โตไปไหนได้อย่างแน่นอน
ทำงานด้วยความใส่ใจ พนักงานที่มีความโดดเด่นกว่าคนอื่นนั้น จะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากคนอื่น ก็คือ จะลงมือทำงานด้วยความใส่ใจ ตั้งใจ ไม่ใช่แค่เพียงทำเสร็จตามคำสั่งเท่านั้น แต่จะทำไป คิดไป และคิดต่อยอดไปอีกว่า จะทำยังไงให้งานเสร็จเร็วขึ้น และทำยังไงให้งานออกมาดีกว่าที่เคยเป็นมาก่อน จะคิดด้วยว่า งานที่ทำอยู่นั้นมีอะไรที่ยังไม่ดีบ้าง และจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง ผิดกับพนักงานแบบยกโหล จะคิดเหมือนกันว่า ทำงานให้เสร็จตามที่นายสั่งก็พอแล้ว เพราะเงินเดือนก็ได้อยู่แค่นี้ จะทำอะไรมากมาย
ทำงานเกินกว่าเงินเดือนที่ได้รับ อีกประเด็นหนึ่งที่จะทำให้เราไม่ใช่พนักงานแบบยกโหลก็คือ เราต้องมีทัศนคติแบบทำงานเกินกว่าเงินเดือนที่ได้รับ กล่าวคือ เวลานายมอบหมายงานอะไรที่นอกเหนือจาก Job Description ก็จะยินดีที่จะทำให้ หรือนายให้งานที่ยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้เราต้องใช้เวลามากขึ้น ใช้ความพยายามมากขึ้น พนักงานที่ประสบความสำเร็จจะคิดว่านี่คือสิ่งที่ท้าทายในการทำงาน และถ้าทำสำเร็จ เราก็จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขึ้นหนึ่ง โดยไม่คิดเลยว่ามันจะเกินกว่าเงินเดือนที่เราได้รับอยู่หรือเปล่า แต่ในทางตรงกันข้ามพนักงานยกโหลก็มักจะคิดแค่เพียงว่า ทำแค่นี้ก็พอแล้ว และมักจะปฏิเสธงานยากๆ หรืองานใหม่ๆ ที่นายให้มา โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาทำ หรือบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย โดยไม่เคยรู้เลยว่า การที่นายให้งานที่ยากขึ้นก็คือต้องการที่จะให้ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ และเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่าเราจะเหมาะสมกับการเติบโตในองค์กรสักเพียงใด
พัฒนาตนเองอยู่เสมอ พนักงานแบบไม่ยกโหลจะมีคุณสมบัติอีกประการหนึ่งก็คือ จะเป็นคนที่พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และพัฒนาโดยที่นาย หรือองค์กรไม่ต้องสั่ง หรือมอบหมายด้วยซ้ำไป พนักงานบางคนต้องรอให้บริษัทส่งไปอบรม หรือส่งไปเรียน แต่พนักงานที่มีความโดดเด่นนั้น จะพยายามขวนขวาย เรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การฟังบทเรียนความรู้ต่างๆ และการเรียนรู้งานใหม่ๆ จากนายของตนเอง ผิดกับพนักงานธรรมดาๆ ก็คือ มักจะคิดว่า ถ้าองค์กรอยากให้เราเก่งขึ้นก็ต้องหาทางพัฒนาเราสิ บางคนบริษัทส่งไปเรียนแต่กลับไม่ตั้งใจ โดดการสัมมนาบ้าง หรือไปแบบไม่จบวันก็มี แล้วเอาเวลานั้นไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน บางคนพอเลิกงานก็ไม่คิดที่จะพัฒนาตนเองในเรื่องของอนาคตการทำงานเลย เอาแต่ไปเที่ยวเล่นดูหนัง เฮฮาปาร์ตี้ไปเรื่อยๆ แล้วไม่ใช่แบบนานๆ ทีนะครับ แต่ไปแบบทุกวัน พอสุดท้ายก็มาคิดว่า “รู้งี้ไม่น่าทำแบบนี้เลย” แต่มันก็ช้าไปแล้ว ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจริงมั้ยครับ
กล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง พนักงานที่โดดเด่นและไม่เป็นแบบยกโหลนั้น มักจะเป็นคนที่กล้าคิด กล้าแสดงออก เมื่อคิดในสิ่งที่ถูกต้องก็กล้าที่จะบอกในสิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน ในการคิดนั้นก็จะเป็นคนที่คิดต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ไม่คิดวนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมๆ เมื่อคิดได้แล้ว ก็จะแสดงออกให้เห็น โดยการนำเสนอความคิดนั้นอย่างมั่นใจ โดยไม่กังวลว่าคนอื่นจะมองว่าเราโง่ หรือมองว่าเราเด็ก หรือ ฯลฯ นอกจากคิดแล้ว ยังพยายามที่จะลงมือทำให้สำเร็จอีกด้วย ในกรณีที่ความคิดนั้นเป็นความคิดที่ดีและได้รับความเห็นชอบ ก็จะลงมือทำ และสร้างความฝันนั้นให้เป็นจริงขึ้นมาได้ ผิดกับพนักงานแบบยกโหลก็คือ นั่งเงียบเวลาประชุม ไม่เคยคิด ไม่เคยแสดงออกอะไรให้เห็น คิดแค่ว่า “จะคิดไปทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าเราไม่ฉลาด” หรือ คิดไปเองว่าเราเด็กเกินไป เราไม่เก่ง ไม่มั่นใจ ฯลฯ คิดแบบนี้ เราก็จะเป็นได้แค่เพียงพนักงานยกโหลเท่านั้น
ถ้าเราจะเป็นพนักงานที่ไม่ใช่พนักงานแบบยกโหล และเป็นแบบที่ใครก็เป็นกัน แต่อยากเป็นพนักงานที่มีความโดดเด่น และเป็นที่ต้องการของบริษัท เราก็คงต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง ทั้งความคิด และการกระทำเสียใหม่ ไม่ให้เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่เขาเป็นกัน

แล้วเราก็จะเป็นพนักงานที่ทุกองค์กรต้องการตัวครับ

แหล่งที่มา https://prakal.wordpress.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ลานปันความรู้